ถ้าพูดถึงวิถีการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน ทุกคนหันมาเลี้ยงสัตว์กันมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สุนัข แมว นก กระต่าย หรือแฮมเตอร์ เพราะสัตว์เลี้ยงเป็นดังเพื่อนคู่ใจ ที่แค่มองความน่ารักของน้อง ๆ ก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาได้ ซึ่งบางครอบครัวก็เลี้ยงสัตว์เหมือนเลี้ยงลูก คอยเอาใจใส่ทั้งของเล่น เสื้อผ้า ไปจนถึงอาหารการกิน แต่เพื่อให้สัตว์เลี้ยงแฮปปี้ขึ้นไปอีก การออกแบบบ้านให้เหมาะกับสรีรศาสตร์ของสัตว์ก็เป็นเรื่องจำเป็น บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับสไตล์การแต่งบ้านหรือคอนโดแบบ Pet-Friendly House ให้อยู่สบายและสวยงาม ถูกใจทั้งคนและสัตว์
Content Summary
- บ้าน Pet-Friendly เป็นเทรนด์การออกแบบบ้านให้คนและสัตว์อาศัยร่วมกันได้อย่างมีความสุข โดยการปรับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ให้มีความแข็งแรงทนทาน และการจัดสรรพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ
- พื้นเป็นองค์ประกอบสำคัญของบ้านที่ส่งผลต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงโดยตรง ควรเลือกวัสดุที่ไม่ลื่น มีความหยาบเล็กน้อย เพื่อให้สัตว์สามารถทรงตัวได้ดี
- ต้นไม้บางชนิดไม่เหมาะกับการปลูกภายในบ้าน เพราะเป็นพิษต่อสุขภาพสัตว์ ควรเลือกต้นไม้ที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง เช่น ต้นเศรษฐีเรือนใน
Table of Contents

Pet-Friendly House การดีไซน์บ้านสำหรับคนรักสัตว์โดยเฉพาะ!
บ้าน Pet-Friendly คือ วิธีการออกแบบบ้านให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวันของคนและสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะแตกต่างจากการแต่งบ้านแบบทั่วไปตรงที่ เน้นเรื่องฟังก์ชัน ความทนทานของวัสดุ และการจัดสรรพื้นที่สำหรับน้องหมา น้องแมวโดยเฉพาะ เพื่อให้พวกเขาไม่เครียดและสามารถวิ่งเล่นในบ้านได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเทรนด์บ้าน Pet-Friendly เป็นที่นิยมในโลกตะวันตก แต่ก็มีแนวโน้มที่ในไทยเองจะให้ความสนใจกับรายละเอียดเล็ก ๆ นี้มากขึ้น เพราะข้อดีของบ้านแบบ Pet-Friendly นั้นสามารถช่วยดูแลสุขภาพกายของสัตว์เลี้ยงได้ด้วย!
บ้านที่ไม่ตอบโจทย์กับ Pet-Friendly House ส่งผลเสียอย่างไรบ้าง
เชื่อว่าหลายครอบครัวคงประคบประหงมสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ทั้งการเลือกอาหาร ขนมสัตว์ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และของเล่นที่ดีที่สุดให้กับน้อง ๆ อย่างไรก็ตาม จุดที่เจ้าของอาจมองข้ามไปคือ การปรับเปลี่ยนพื้นที่บ้านให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของพวกเขามากยิ่งขึ้น เพราะตัวบ้านไม่ตอบโจทย์กับบ้าน Pet-Friendly อาจส่งผลเสียในอนาคต ดังต่อไปนี้
- บ้านไม่สะอาด เพราะเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุที่กักเก็บฝุ่นได้ง่าย เช่น โซฟาที่ทำจากผ้าฟ้าย อาจทำให้ฝุ่นและขนสัตว์ติดไปทั่วโซฟาได้ ส่งผลเสียต่อสุขภาพของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง
- เฟอร์นิเจอร์พังเร็ว เช่น ผ้าม่าน โซฟา ที่มีรอยขีดข่วนจากการเล่นของน้องแมว ตู้เก็บของหรือแจกันต่าง ๆ ที่วางผิดตำแหน่ง ทำให้สัตว์เลี้ยงอาจชนหรือเล่นแรงจนเกิดความเสียหายได้
- สุขภาพสัตว์เลี้ยงอ่อนแอ เหตุผลหลัก ๆ เกิดจากการเลือกวัสดุพื้นที่ไม่ตอบโจทย์ เช่น ลื่นหรือหยาบจนเกินไป ทำให้อุ้งเท้าและข้อเข่าของสัตว์เลี้ยงเสื่อมสภาพได้
- สัตว์เลี้ยงเครียด ไม่มีความสุข เพราะไม่มีพื้นที่ส่วนตัวหรือพื้นที่กว้าง ๆ สำหรับวิ่งเล่น เพราะจัดบ้านไม่เป็นระเบียบ ข้าวของกระจัดกระจายไปทั่ว ทำให้สัตว์เลี้ยงเครียด แถมอาจเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ได้ เช่น เผลอกินของเล่นหรือเศษพลาสติกเล็ก ๆ เป็นต้น
5 เคล็ดลับออกแบบบ้าน Pet-Friendly ให้มีสไตล์และปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง

1. จัดสรรมุมส่วนตัวสบาย ๆ ให้สัตว์เลี้ยง
มนุษย์ก็ต้องการมุมส่วนตัว สัตว์เลี้ยงก็เช่นกัน หลังจากเล่นสนุกกับเจ้าของมาทั้งวันแล้ว ควรจัดสรรมุมหนึ่งของบ้านให้เป็นพื้นที่พักผ่อนของพวกเขา ซึ่งควรจะเป็นมุมที่เงียบสงบของบ้าน เพื่อให้เขาสามารถผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ เช่น โซนใต้บันใด โดยวางเตียงผ้านุ่ม ๆ และตุ๊กตาตัวโปรดเตรียมไว้ ให้พวกเขารู้ว่าพื้นที่ตรงนี้คือพื้นที่ส่วนตัวของเขา
นอกจากนี้ควรแบ่งโซนสำหรับเข้าห้องน้ำและกินข้าวอย่างชัดเจน ทั้งให้ง่ายต่อการทำความสะอาด และเป็นการฝึกวินัยให้กับสัตว์เลี้ยงไปในตัว แนะนำว่าโซนห้องน้ำควรอยู่ในจุดที่ระบายอากาศได้ดี มีลมพัดผ่าน ป้องกันกลิ่นเหม็นรบกวนภายในตัวบ้าน

2. เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีความทนทานเป็นพิเศษ
เพราะความซุกซนของสัตว์เลี้ยงเป็นอะไรที่ยากต่อการรับมือ เจ้าของจึงควรเน้นไปที่ความแข็งแรงทนทานของเฟอร์นิเจอร์เป็นหลัก
- ผ้าม่าน ทำจากผ้าโพลีเอสเตอร์ ไม่เกาะฝุ่นและทนทานต่อรอยขีดข่วน การกัดได้เป็นอย่างดี
- โซฟา ยุคสมัยนี้มีเทคโนโลยีในการออกแบบโซฟาสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ซึ่งทำจากผ้าที่ทำความสะอาดง่าย ขนติดน้อย รวมถึงเคลือบด้วยสารที่ป้องกันการเกิดเชื้อราและแบคทีเรีย
- เฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ควรหลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์ที่มีขอบคม เพราะเวลาสัตว์เลี้ยงวิ่งชน อาจทำให้เกิดแผลได้

3. ปูพื้นบ้านด้วยวัสดุที่ไม่ลื่น เซฟสุขภาพของสัตว์เลี้ยง
อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่า หากเลือกวัสดุปูพื้นไม่ดี จะทำให้อวัยวะของน้อง ๆ เสียหายได้ เพราะบ้านคนไทยส่วนใหญ่มักจะปูด้วยกระเบื้อง ซึ่งมีความมันวาวและลื่นง่ายมาก ๆ ในระยะยาวจะมีปัญหาสุขภาพตามมา ได้แก่ ข้อเข่าเสื่อม สะบ้าเคลื่อน สะโพกเสื่อม และอีกมากมาย ดังนั้น เราจึงแนะนำให้ใช้วัสดุดังต่อไปนี้สำหรับการปูพื้น
- พื้นไม้ จะเป็นไม้ลามิเนตหรือไม้ HMR ก็ได้ เพราะมีความแข็งแรงทนทาน ทนต่อรอยขีดข่วน กันความชื้นได้ดี
- พื้นปูนขัดมัน เป็นวัสดุที่ตอบโจทย์กับอุ้งเท้าของสัตว์เป็นอย่างมาก เพราะพื้นผิวมีความหยาบเล็กน้อย ทำให้น้องสัตว์สามารถทรงตัวและเดินได้สะดวก
- พื้นกระเบื้องยาง SPC เป็นกระเบื้องที่พื้นผิวไม่ลื่น ทำให้ปลอดภัยและทำความสะอาดได้ง่าย แต่อาจจะราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับวัสดุอื่น ๆ

4. มีหน้าต่างทั่วบ้าน ให้อากาศถ่ายเทได้ดี
การมีหน้าต่างทั่วทุกมุมของบ้าน ช่วยให้อากาศภายในบ้านสามารถถ่ายเทได้ดี ระบายกลิ่นเหม็นจากห้องน้ำสัตว์ และช่วยให้สัตว์เลี้ยงสุขภาพแข็งแรงได้เช่นกัน เพราะมีแสงแดดส่อง มีลมพัดผ่าน อากาศเย็นสบายไม่อับชื้น เมื่ออุณหภูมิภายในบ้านเหมาะสม น้องก็จะไม่ป่วยง่ายนั่นเอง นอกจากนี้ข้อดีของหน้าต่างสำหรับ Pet-Friendly House คือ มีมุมธรรมชาติให้สัตว์เลี้ยงชมนก ชมวิวระหว่างวัน อาจกลายเป็นมุมโปรดของพวกเขาได้เลย

5. ของตกแต่งและต้นไม้ ต้องปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง
หลีกเลี่ยงของตกแต่งที่ทำจากแก้วหรือเซรามิก เพราะอาจตกลงมาแตกและเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงได้ หรือหากจำเป็นต้องมี ก็ควรวางไว้ในที่สูงหรือไกลจากบริเวณที่สัตว์เลี้ยงเข้าถึง รวมไปถึงต้นไม้ภายในบ้าน เจ้าของบางคนไม่ทราบว่าต้นไม้บางสายพันธุ์ถือว่าเป็นพิษกับสัตว์เลี้ยง ตัวอย่างเช่น ว่านหางจระเข้ พลูด่าง บอนสี ยางอินเดีย ลิ้นมังกร เป็นต้น อาจทำให้ท้องไส้ปั่นป่วน หายใจติดขัด และระคายเคืองผิวหนังสัตว์ได้ โดย EZYBUILT ขอแนะนำต้นไม้ที่เป็นมิตรต่อสุขภาพของน้องสัตว์ ดังนี้
- ต้นเศรษฐีเรือนใน ไม่เพียงแค่สร้างความมงคลเรื่องเงินทองให้กับเจ้าของ แต่ยังช่วยดูดสารพิษภายในบ้านได้อีกด้วย
- ต้นเปปเปอร์โรเมีย เป็นสายพันธุ์ยอดฮิตสำหรับคนรักสัตว์ เพราะสามารถฟอกอากาษได้ดี เพิ่มออกซิเจนให้ไหลเวียนในบ้านได้ดี
- ต้นปาล์มใบไผ่ เป็นมิตรต่อสุนัขและแมว และเมื่อวางไว้ตามมุมต่าง ๆ ก็จะช่วยให้บ้านสวยงามขึ้นด้วย
สรุป
การใส่ใจสุขภาพกายและจิตใจของสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องสำคัญ จะทำให้น้อง ๆ แข็งแรงและเป็นความสุขให้กับเจ้าของไปอีกนาน การออกแบบบ้านสไตล์ Pet-Friendly House จึงเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคนรักสัตว์อย่างมาก แต่หากใครไม่มีงบประมาณเพียงพอในการปรับปรุงบ้านทั้งหลัง อาจลองปรับเปลี่ยนจากเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านก่อนก็ได้เช่นกัน รวมถึงการจัดเก็บสิ่งของสำหรับสัตว์เลี้ยงให้เป็นที่เป็นทาง เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน และแยกออกจากของใช้ส่วนตัวของมนุษย์ เพื่อความปลอดภัย











